เบญจรงค์เป็นงานหัตถกรรมประณีตศิลป์ ด้วยศิลปะลวดลายบ่่งบอกถึงความเป็นไทย ประวัติเบญจรงค์มีมาเนิ่นนาน ตั้งแต่สมัยสุโขทัย
เบญจะ หมายถึง 5 หรือที่เราเคยได้ยินว่า เบญจภาคี คือ 5 ส่วนคำว่า รงค์ คือ สี หรือ รงควัตถุ เช่น ไตรรงค์ ก็คือ 3 สี ดังนั้น เบญจรงค์ หมายถึง ของที่มี 5 สี อะไรก็ตามที่มี 5 สี จะเรียกว่า เบญจรงค์ทั้งหมด พอผ่านกาลเวลาต่อมา ด้วยความที่ยุคแรก ๆ เบญจรงค์จะเอาไปเขียนบนเซรามิค ดังนั้นคนทั่วไปจะเข้าใจว่าต้องเป็นของที่อยู่บนเนื้อเคลือบเท่านั้นที่จะเป็นเบญจรงค์
ประวัติของเบญจรงค์คือ เริ่มมาจากการทำเซรามิคต่าง ๆ เดิมทีเรามีการติดต่อค้าขายกับเมืองจีนที่เคยได้ยินเรียกว่าสำเภาจีน มีการนำเข้าเครื่องชามต่าง ๆ มาค้าขายกับเรา ยุคต่อมาในสมัยสุโขทัยก็เป็นเครื่องทำสังคโลก เครื่องเคลือบ เครื่องน้ำเคลือบแตกลายงา ต่อมาอีกในยุค ร.2 ถือเป็นยุคบูมมากถึงมีการสั่งเข้าเครื่องเบญจรงค์จากเมืองจีน พอมายุค ร.5 มีการคิดค้นประดิษฐ์การทำลายของคนไทยมาเป็นครื่องเบญจรงค์ของไทย โดยได้ส่งช่างไทยไปเรียนรู้และฝึกที่่เมืองจีน ซึ่งก่อนหน้านี้จะเป็นการออกแบบลายจากไทยแล้วส่งไปให้คนจีนเขียน ตัวอย่างเช่น ลายเทพพนม ที่จะมีตาตี่ ๆ เรียกเทพพนมพุงพุ้ย ยุคแรก ๆ หน้าและลวดลายจะเป็นแบบจีน ๆ ยุคต่อมาก็จะมีความเป็นไทยขึ้นตามลำดับ
5 สี ได้แก่ ดำ ขาว เหลือง แดง และเขียว (หรือคราม) ต่อมาได้มีการพัฒนาสีให้หลากหลายมากขึ้น เพิ่มเป็นชมพู ม่วง แสด น้ำตาล ด้วย เบญจรงค์แต่ดั้งเดิมจะใช้น้ำทองในการเขียน แล้วนำไปเผาที่อุณหภูมิสูง เพื่อให้ทนทานต่อการหลุดลอก สินค้าที่นิยมนำมาทำลวดลายเบญจรงค์ได้แก่ โถ แก้วมัค ชุดกาแฟ จาน ชาม เป็นต้น แต่เดิมเบญจรงค์จะเป็นงานที่ใช้ในวังเป็นหลัก ต่อมาได้ใช้เป็นของขวัญแขกบ้านแขกเมือง และของขวัญทรงคุณค่าเทศกาลต่าง ๆ รวมทั้งเป็นของตกแต่งบ้านเพิ่มความหรูหรา อนุรักษ์ความเป็นไทย และนำมาใช้จริงในบ้านก็ได้ เช่น แก้วเบญจรงค์ ชุดกาฟเบญจรงค์ เป็นต้นค่ะ