ลาย
เบญจรงค์และความยากง่ายมีผลต่อราคาเบญจรงค์ เริ่มตั้งแต่คนที่ฝึกเขียนเบญจรงค์ทุกคน แรก ๆ ก็ต้องหัดลงสีให้ได้ก่อน เพื่อเรียนรู้ความรู้สึกของคนที่ต้องมาทำงานต่อจากคนอื่น ว่าอีกหน่อยเมื่อเราขยับไปเป็นคนเขียน เวลาเราเขียนแบบนี้คนลงลงได้หรือไม่ได้ การเขียนต้องมีการเติมช่องไฟ เว้นช่องไฟให้พอเหมาะ
เทคนิคการลงก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่เทคนิคการเขียนลายเป็นเทคนิคที่ต้องเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก เพราะว่าชิ้นงานจะขายได้ไม่ได้ ต้องผ่านคนแรกเลย คือคนเขียน เพราะคนเขียนต้องตรวจสอบคุณภาพชิ้นงาน เมื่อของมาถึงมือมีแตก ร้าว บิ่น ตรงไหน มีตรงไหนที่มีตำหนิต้องคัดออก ถ้ามองไม่เห็นผ่านไปขั้นตอนถัดไปก็จะทำให้เกิดความเสียหายในขั้นตอนอื่น ต้องมีการเลือกและมีการกะเกณฑ์กำหนด การวางดอกลัษณะลายให้เข้ากับทรง ขนาดดอกขนาดลายแค่ไหน อันนี้ต้องอาศัยความชำนาญในการฝึกฝน
ดังนั้นค่าแรงก็จะแตกต่างกัน เช่น ถ้าเคยมีความชำนาญเขียน
เบญจรงค์มา 3 ปี กับคนที่ 5 ปี 10 ปี คนที่ 5 ปี 10 ปี ก็จะผ่านการเขียนงานที่ยาก ๆ มามากกว่า อย่างเช่น ลายตั้งตาก็จะเป็นลายพื้นฐาน แต่ตั้งตาที่ละเอียดขึ้นมาหรือสีนูน ก็จะต้องสำหรับคนที่อายุงานเยอะขึ้น
หรือลายดอกไม้ที่ต้องอาศัยจินตนาการในการเติมแต่งทุกอย่าง ให้เข้าที่เข้าทางหรืออย่างลายคน ลายประเพณี ราคาก็จะสูงขึ้น อย่างลายหิมพานต์ ก็จะยากขึ้นไปตามขั้นตอน
อีกส่วนที่มีผลต่อราคาคือ วัตถุดิบที่นำมาใช้ เช่น งานธรรมดากับงานสีนูน งานสีนูนจะต้องค่อย ๆ หยอดทีละช่อง ทีละช่อง และทองคำที่วใช้ ปริมาณทองคำที่ใช้ ถ้าเป็นลายถมทองจะราคาสูงที่สุดในท้องตลาด แต่ถ้าเป็นลายเขียนลายทั่วไป ราคา
เบญจรงค์ก็ลดหลั่นกันลงมา
เบญจรงค์มีราคาสูง เนื่องจากว่าใช้น้ำทองในการเขียน บางท่านอาจจะสงสัยว่าน้ำทองคืออะไร
น้ำทองคือการเอาทองคำบริสุทธิ์มาทำให้อยู่ในรูปสารละลาย เพราะโดยปกติทองคำจะอยู่ในสถานะของแข็ง ถ้าจะทำให้เขียนลายได้ต้องนำไปผสมกับตัวทำละลาย (Solvent) ต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือโรซิ่นหรือยางไม้
คุณสมบัติของโรซิ่นคือทำให้สามารถยึดเกาะกับผิวงานก่อนการเผา สัดส่วนของทองคำ : ตัวทำละลาย ประมาณ 50 : 50 ได้เป็นสารประกอบทองคำ สีทองคำจะเปลี่ยนจากสีทองเป็นสีน้ำตาล หนืด และข้น เป็นของเหลวที่เหมาะกับการเขียนและระบายลงบนผิวกระเบื้องเคลือบ (ถึงขั้นตอนนี้ก่อนการเผา ถ้าเขียนลายผิดหรือไม่สวยยังสามารถใช้กระดาษทิชชูลบได้) เมื่อนำไปเผาจะได้เส้นทองที่เงางาม
สำหรับ "ขวัญเบญจรงค์" ใช้น้ำทองเมื่อหลังการเผาที่อุณหภูมิประมาณ 600 - 800 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 4 ชั่วโมงแล้ว จะได้ทองคำบริสุทธิ์ 100% เหลือบนชิ้นงานเบญจรงค์ ยิ่งลายที่ใช้ปริมาณทองสูง ราคาก็จะสูงตามไปด้วย
อีกอย่างที่มีผลต่อราคาเบญจรงค์ คือ แวร์สีขาวที่นำมาเขียนเบญจรงค์ มีทั้งเนื้อธรรมดา, เนื้อรอยัลพอร์ซเลน และเนื้อรอยัลโบนไชน่า ราคาก็จะแพงขึ้นตามลำดับ การเลือกแวร์ขาวก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณเป็นหลัก ถ้าต้องการราคาถูกก็ให้เน้นเลือกเป็นเนื้อธรรมดา ถ้าต้องการดีขึ้นมาหน่อยทนทาน แข็งแกร่งกว่าก็เป็นเนื้อรอยัลพอร์ซเลน ถ้าต้องการความหรูหราก็เป็นเนื้อรอยัลโบนไชน่า โดยปกติแวร์ขาวเนื้อรอยัลโบนไชน่าจะแพงกว่าเนื้อพอร์ซเลนประมาณ 300%
สำหรับขวัญเบญจรงค์ เรามีชุดกาแฟเบญจรงค์และแก้วมัคเบญจรงค์ให้เลือกเนื้อทั้ง 3 แบบ ราคา, คุณภาพ, และความสวยงาม ก็ลดหลั่นกันไปตามราคา ส่วนโถเรามีเฉพาะเนื้อธรรมดา เนื่องจากโถไม่จำเป็นต้องใช้เนื้อดี ส่วนใหญ่จะใช้วางโชว์มากกว่า จึงไม่ต้องการความแข็งแกร่งทนทาน ถ้าลูกค้ามีงบประมาณมาให้ ทางขวัญเบญจรงค์สามารถนำเสนอสินค้า
เบญจรงค์ที่ตรงความต้องการของลูกค้าได้
ดูเพิ่มเติมรายละเอียดเรื่อง
ชุดกาแฟเบญจรงค์ผลิตจากเนื้อเซรามิคอะไรบ้างหมายเหตุ :
บางทีเวลาดูสินค้าหน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่ราคาต่างกันมาก ข้อสังเกตคือ
1. เปอร์เซ็นต์น้ำทองที่ใช้เท่าไหร่
2. การวนทองเส้นบางเส้นหนาเท่าไรห่
3. มีชุบเคลือบทองที่หูไหม วนทั้งหู, วนบางส่วน หรือไม่มีเลย
4. ลายดอกเยอะไหม บางโรงงานตัดดอกไม้ออกจากชุดแก้วเบญจรงค์ เช่น ที่แก้วมีลายดอก แต่ที่จานรองไม่มีลายดอก เป็นต้น
